ปัญหาการจัดฟันรอบสอง รอบสาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมา คุณหมอที่คลินิกทันตกรรม Tooth Connection ภูเก็ตได้พบกับปรากฏการณ์ที่มีผู้ป่วยกลับมา จัดฟันรอบสอง รอบสาม มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งผู้ป่วยเก่าของเราเอง และผู้ที่เคยจัดฟันแล้วจากที่อื่น ซึ่งเหตุผลของการเข้ารับการจัดฟันรอบที่สองก็แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะมาด้วยเหตุผลว่าไม่พึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้หลังการจัดฟันรอบแรก
หากย้อนไปดูประวัติการรักษา มักพบปัญหาที่หลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น การจัดฟันครั้งแรกผู้ป่วยเลือกจัดฟันแบบไม่ถอนฟัน ทำให้พอจัดเสร็จแล้ว ไม่ค่อยเห็นความเปลี่ยนแปลงจึงเปลี่ยนใจมาถอนฟัน ในการจัดฟันรอบสอง หรือบางคนมีปัญหาฟันค่อนข้างมาก ทั้งฟันยื่นและฟันซ้อนในคราวเดียวกัน การถอนฟัน 4 ซี่
ส่วนใหญ่กลับมาด้วยปัญหาฟันยื่น
ในการจัดฟันรอบแรก อาจแก้ไขเรื่องฟันซ้อนได้ แต่ยังแก้เรื่องฟันยื่นไม่ได้ ดังนั้นการจัดฟันรอบสองก็อาจต้องถอนฟันเพิ่มอีก 2-4 ซี่ เพื่อแก้ไขเรื่องฟันยื่น รวมแล้วอาจต้องถอนฟันดีๆ ทิ้งถึง 8 ซี่ เพื่อการจัดฟัน (ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โดยทันตแพทย์จะพิจารณาเรื่องการถอนฟันตามความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย)
ไม่ใช่ทุกคนที่จะจัดฟันรอบสองได้
มีหลายกรณีที่คุณหมอก็จะไม่พิจารณาจัดฟันรอบสองให้ อย่างกรณีที่เกิดจากปัญหากระดูกเหงือกยื่น ปัญหารากฟันละลาย หรือปัญหาขากรรไกรมีรูปร่างผิดปกติที่ต้องใช้การผ่านตัดในการช่วยแก้ปัญหา
ปัญหาโลกแตกที่ป้องกันได้
ซึ่งการจัดฟันรอบแรกได้แก้บางปัญหาตัวฟันที่ยื่นให้ยุบเข้าไปจนสุดแล้ว หากจะจัดฟันรอบสอง รอบสาม ก็ไม่ช่วยอะไร และยังทำให้เราเสียเวลาและเสียเงินไปเปล่าๆ แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบ คือปัญหาโลกแตกอย่าง อาการฟันเคลื่อนกลับ (Relapse) จากการไม่ใส่รีเทนเนอร์ (Retainers) ที่หลายคนมักอ้างว่า ไม่ชอบความรู้สึกเวลาที่ใส่รีเทนเนอร์ ที่เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในปาก น้ำลายไหล พูดไม่ชัดผล จนรู้สึกรำคาญพาลไม่ยอมใส่รีเทนเนอร์ไปในที่สุด
อย่าลืมใส่รีเทนเนอร์เด็ดขาด
บางคนทำรีเทนเนอร์หัก หรือทำหาย แต่ก็ขี้เกียจไปทำใหม่จึงไม่ได้ใส่อีกเลย ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่เหล่าทันตแพทย์ทั่วโลกต่างพากันกุมขมับเพราะไม่รู้จะบอกเตือนผู้ป่วยยังไง ทั้งนี้เพราะฟันของเราเคลื่อนที่ได้ตลอดเวลา หลังจัดฟันเสร็จและถอดเครื่องมือจัดฟันออกหากใส่รีเทนเนอร์ไม่สม่ำเสมอ ฟันจะเคลื่อนกลับไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว ทำให้กลับมาใส่รีเทนเนอร์ลำบาก บางคนจึงไม่ยอมใส่อีกเลยทำให้ฟันยิ่งเคลื่อนที่ออกไปจากจุดที่จัดไว้ กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นว่าต้องเริ่มจัดฟันใหม่เป็นรอบที่สอง ทำให้คุณหมอต้องมีการนัดติดตามผลหรือนัดดูอาการประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน หลังจากถอดเครื่องมือไปแล้วเพื่อตรวจดูความผิดปกติหรือปรับแต่งรีเทนเนอร์ให้เหมาะสม
หากคุณหมอตรวจพบความผิดปกติของฟัน ว่ามีการเคลื่อนมากเกินไปอาจพิจาณาจัดฟันรอบสอง ซึ่งก็มีทั้งติดเครื่องมือเฉพาะบางซี่ หรือไม่ก็ต้องติดเครื่องมือใหม่ทั้งปาก แต่ถ้าหากตรวจพบได้ไว ฟันเคลื่อนแค่เล็กน้อย ก็อาจใช้วิธีปรับรีเทนเนอร์เพื่อช่วยให้ฟันกลับคืนสู่ตำแหน่งที่เหมาะสมแทน
จัดฟันใส อีกทางเลือกสำหรับจัดรอบสอง
แต่ถ้าใครไม่อยากใส่รีเทนเนอร์จริงๆ ก็อาจเลือกใช้เครื่องมือจัดฟันแบบใส (Clear Aligners) ซึ่งมี ข้อดีของเครื่องมือจัดฟันแบบใส คือ มองไม่ค่อยเห็น เพราะเครื่องมือทำจากพลาสติกใส และยังสามารถถอดเข้าออกได้ จึงไม่มีข้อจำกัดในเรื่องอาหาร แปรงฟันได้อย่างสะอาดทั่วถึง เครื่องมือสร้างขึ้นเป็นของแต่ละคนโดยเฉพาะ มีหลายชิ้นตั้งแต่ต้นจนจบการรักษา เปลี่ยนชิ้นใหม่ประมาณทุก 2 สัปดาห์ โดยเครื่องมือแต่ละชิ้นจะค่อยๆ เคลื่อนฟันไปสู่ตำแหน่งที่กำหนดไว้ แต่มีข้อเสียตรงที่จะต้องใส่เครื่องมือจัดฟันแบบใสไม่ต่ำกว่าวันละ 20-
22 ชั่วโมง อ่านเพิ่มเติม>
หมั่นใส่รีเทนเนอร์จะได้ไม่ต้องจัดรอบสอง
หากไม่อดทนใส่หรือถอดออกแล้วลืมไว้ก็จะทำให้ผลการรักษาไม่คุ้มค่าเงินที่เสียไป เพราะเครื่องมือจัดฟันแบบใสมีราคาค่อนข้างสูง คุณหมอจึงเลือกที่จะแนะนำให้ใช้เครื่องมือจัดฟันที่เป็นโลหะแทน เพราะคุ้มค่าและให้ผลการรักษาที่ดีเยี่ยม การจัดฟันไม่ใช่เรื่องสบาย กว่าจะถอดเครื่องมือได้ ต้องทนรำคาญ ทนปวด และต้องมีวินัยในการดูแลมากมาย ดังนั้นถ้าไม่อยากจัดฟันรอบสองรอบสาม ควรใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอตามที่ทันตแพทย์แนะนำเพื่อให้ฟันที่เรียงตัวสวยอยู่กับเราไปนานๆ