ทันตกรรมจัดฟัน (Orthodontics) คือ การรักษาความผิดปกติของ การเรียงตัวของฟันที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงความผิดปกติของขากรรไกรที่ส่งผลต่อรูปร่างใบหน้า
โดยใช้เครื่องมือสร้างแรงเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม และสำหรับคนที่กำลังสนใจการการจัดฟันกันอยู่ หมอก็ได้รวบรวมเอาข้อมูลที่ต้องรู้มาฝากค่ะ
Q: จัดฟันแล้วหน้าจะเรียวขึ้นจริงหรือเปล่า? อ่านเพิ่มเติม>
A: การจัดฟันเป็นการการแก้ไขปัญหาในช่องปาก ซึ่งรูปหน้าที่เรียวสวยขึ้นเป็นเพียงผลพลอยได้จากการจัดฟันเท่านั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จัดฟันแล้วรูปหน้าจะเปลี่ยน แปลงอย่างเห็นได้ชัด และการจัดฟันเป็นการแก้ไขปัญหาในช่องปากด้วยทันตกรรมไม่ใช่ศัลยกรรม
Q: การจัดฟันใช้เวลานานแค่ไหน? ที่โฆษณาบอกว่า เสร็จเร็ว เจ็บน้อย ใช้เวลาแค่ 3 เดือน จริงหรือเปล่า? อ่านเพิ่มเติม>
A: การจัดฟันเต็มรูปแบบเพื่อการรักษาปัญหาฟันของร้านหมอฟัน Tooth Connection ภูเก็ตจะใช้เวลาอย้างน้อย 2-3 ปี ส่วนการจัดฟันระยะสั้น (Short Term Orthodontics) ซึ่งเน้นไปที่ “ความสวยงาม” ให้ฟันด้านหน้าเรียงสวย โดยเป็นการจัดเรียงฟันหน้าบน 6-8 ซี่และฟันหน้าล่าง 6-8 ซี่ จะใช้เวลา 6-12 เดือน ซึ่งการจัดฟันระยะสั้นจะไม่สามารถรักษาปัญหาการสบฟันในช่องปากของเราได้
Q: ถ้าอยากใส่เหล็กจัดฟันแบบแฟชั่นเฉยๆ จำเป็นมั้ยที่จะต้องไปพบทันตแพทย์?
A: จำเป็น เพราะการที่ใส่เหล็กดัดฟันไว้ส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของฟัน ถ้าเราไปจัดฟันกับร้านจัดฟันแฟชั่นนอกจากจะได้เหล็กจัดฟันที่ไม่ปลอดภัยแล้ว ยังได้การเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติเป็นของแถมให้รักษากันยาวๆ อีกด้วย เปลี่ยนจากสวยเป็นเสียในพริบตาถ้าเห็นแก่ของถูกไม่ได้มาตรฐาน
Q: เครื่องมืดจัดฟันแบบไหนดี? อ่านเพิ่มเติม>
A: เครื่องมือโลหะ (Metal Braces) หรือ เหล็กจัดฟัน เพราะราคาถูกที่สุดในบรรดาเครื่องมือจัดฟัน แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม และสามารถเปลี่ยนสียางแฟชั่นได้บ่อย เรียกได้ว่า ถูกและดีมาอยู่จริง
Q: หลังจัดฟันแล้วต้องใส่รีเทนเนอร์ (Retainers) ไปอีกนานแค่ไหน? อ่านเพิ่มเติม>
A: หลังถอดเครื่องมือจัดฟัน เราต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอดเวลาประมาณ 1-2 ปีแรก หลังจากนั้นก็สามารถลดความถี่ในการใส่ได้ อาจใส่เฉพาะตอนนอน 3-5 คืนต่อสัปดาห์ ซึ่งควรใส่ให้สม่ำเสมอไปตลอดชีวิตจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะการใส่รีเทนเนอร์จะป้องกันฟันเคลื่อนกลับตำแหน่งเดิม ถ้าใส่ไม่สม่ำเสมอฟันก็จะเคลื่อนไปจากตำแหน่งที่จัดไว้
Q: ต้องถอนฟันหรือผ่าตัดด้วยรึเปล่า? อ่านเพิ่มเติม>
A: ขึ้นอยู่กับความผิดปกติของฟันที่พบ ซึ่งคุณหมอจะพิมพ์ปากและเอกซเรย์ เพื่อนำข้อมูลไปวินิจฉัย และวางแผนการรักษาก่อน จึงจะบอกได้ว่าต้องถอนฟันหรือผ่าตัดหรือไม่
Q: ปัญหาฟันแบบไหนที่ควรจัดฟัน?
A: ปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติที่พบได้บ่อย มีอยู่ 7 แบบ ที่อาจรักษาได้ด้วยการจัดฟัน คือ
- ฟันยื่น (Protruding Teeth) ฟันหน้าบนหรือฟันหน้าล่างยื่นออกมามากกว่าปกติ ทำให้ปากอูม บางคนไม่สามารถปิดริมฝีปากได้สนิท มีฟันหน้าลอดออกมา
- ฟันซ้อน (Crowding) ฟันเรียงไม่เป็นระเบียบ ฟันเขี้ยวอยู่สูงเกินไป เป็นที่สะสมของเศษอาหาร ทำความสะอาดยากมีกลิ่นปาก
- ฟันสบคร่อม (Cross Bite) ฟันล่างสบคร่อมทับฟันบน หากพบในเด็กควรรีบพาไปพบทันตแพทย์เพื่อหาทางรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน อาจทำให้ขากรรไกรมีขนาดผิดปกติ และเกิดปัญหาใบหน้าเบี้ยวได้
- ฟันห่าง (Spacing) ฟันที่ไม่ชิดกันจนกลายเป็นช่องว่างระหว่างฟัน ทำให้พูดไม่ชัด
- ฟันสบลึก (Deep Bite) ฟันหน้าบนคร่อมปิดฟันหน้าล่างจนมากเกินไป ทำให้ดูเป็นคนหน้าสั้น ปลายฟันหน้าล่างจะชนโคนฟันหน้าบนด้านในไปเรื่อยๆ สร้างความเสียหายให้กับเหงือกและรากฟันหน้า
- ฟันสบเปิด (Open Bite) ปลายฟันหน้าบนและปลายฟันหน้าล่างไม่สบกัน ทำให้ไม่สามารถกัดอาหารให้ขาดได้ บางรายออกเสียงบางคำไม่ชัดเจน
- ฟันหาย (Missing Teeth) ฟันไม่ขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่กลับไปฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรแทน หากพบในน้องๆ หนูๆ ที่สงสัยว่าฟันขึ้นไม่ครบ ให้รีบปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน เพราะอาจช่วยดึงฟันให้ขึ้นมาได้แทนที่จะต้องใส่ฟันปลอมหรือรากฟันเทียม
การจัดฟันไม่ว่าจะทำเพื่อการรักษาปัญหาฟัน หรือความสวยงามควรจะปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกคลินิกทันตกรรม Tooth Connection ภูเก็ต ที่เชื่อถือได้เพราะการจัดฟันเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้นได้ แต่ถ้าเลือกสถานที่จัดฟันผิดชีวิตก็เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงได้เช่นกัน